บางครั้งบริษัทที่รับจ้างทำเว็บไซต์อาจไม่บอกข้อมูลสำคัญที่ลูกค้าควรทราบ ทำให้เกิดปัญหาหลังการใช้งานได้ มาดูสิ่งที่บริษัทรับจ้างทำเว็บมักไม่บอก และสิ่งที่คุณควรระวังเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตกันเถอะ
1. คุณจะไม่เป็นเจ้าของเว็บไซต์เต็มที่
บางบริษัทอาจ จดโดเมนและโฮสต์ในชื่อของตัวเอง และไม่ให้สิทธิ์การเป็นเจ้าของเต็มที่แก่ลูกค้า เวลาที่บริษัทต้องการย้ายเว็บไซต์ หรือย้ายโฮสติ้งในอนาคต ก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่สามารถย้ายได้ ดังนั้น คุณควรตรวจสอบสัญญาให้แน่ใจว่าคุณจะเป็นเจ้าของโดเมนและข้อมูลทั้งหมด 100%
2. การอัปเดตเว็บไซต์ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
บางบริษัทอาจไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายการอัปเดตเว็บไซต์ในราคาเริ่มต้น เช่น การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แก้ไขเนื้อหา หรือการปรับแต่งดีไซน เมื่อคุณต้องการแก้ไข หรืออัปเดตเว็บในภายหลัง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม คุณจึงควรถามให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าค่าบำรุงรักษา และการอัปเดตอยู่ในราคาที่จ่ายหรือไม่ และมีเงื่อนไขอย่างไร
3. ค่าบริการโฮสติ้งและโดเมนที่คุณไม่รู้
บางบริษัทอาจเสนอราคาถูกสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ แต่ค่าบริการโฮสติ้ง และโดเมนอาจแพงมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมดอาจสูงกว่าที่คาดไว้ คุณจึงควรสอบถามราคารายปีสำหรับโฮสติ้งและโดเมนด้วย รวมถึงค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมอยู่ในแพ็กเกจหรือไม่
4. การทำ SEO อาจต้องจ่ายเพิ่ม
บางครั้งบริษัททำเว็บไซต์จะบอกว่าเว็บไซต์ถูกพัฒนาให้รองรับ SEO แต่จริง ๆ แล้ว SEO ขั้นพื้นฐานอาจไม่ได้รวมอยู่ในแพ็กเกจ ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณอาจไม่ได้รับการจัดอันดับใน Google อย่างที่คิด ดังนั้น คุณอาจจะขอให้บริษัททำการ วิเคราะห์ SEO เบื้องต้น เช่น การใส่ Meta Tags, URL ที่เป็นมิตรกับ SEO, การทำ Sitemap หรือถามว่ามีบริการ SEO และการตลาดออนไลน์เพิ่มเติมไหม
5. ไม่มีการรับประกันหรือซัพพอร์ตหลังการขาย
บางบริษัทอาจเสนอราคาถูกแต่ ไม่มีการรับประกันการซ่อมแซมหรือดูแลเว็บ ภายหลังจากส่งมอบงาน ถ้าเว็บไซต์เกิดปัญหาหลังจากที่จ่ายเงินไปแล้ว คุณอาจต้องหาคนอื่นมาซ่อมแซมในราคาแพง ให้ถามถึงค่าบริการหลังการขาย เช่น การบำรุงรักษาเว็บ, การแก้ไขปัญหาภายหลัง, การอัปเดตเนื้อหาหรือเทคโนโลยีด้วย
6. คุณอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของเว็บไซต์ได้เต็มที่
บางบริษัทอาจไม่ให้คุณ เข้าถึงรหัสผ่าน หรือข้อมูลสำคัญของเว็บไซต์ เช่น รหัส FTP, โค้ดต้นฉบับของเว็บไซต์, หรือการเข้าถึงฐานข้อมูล ซึ่งหากคุณต้องการทำการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หรือเปลี่ยนผู้พัฒนาคุณอาจประสบปัญหาในการเข้าถึงข้อมูล คุณจึงควรขอให้มี สิทธิ์การเข้าถึง ข้อมูลทั้งหมด เช่น โค้ดเว็บไซต์, บัญชีโฮสติ้ง, รหัสผ่าน ฯลฯ
7. การใช้เทมเพลตสำเร็จรูปที่ไม่เหมาะสม
บางบริษัทอาจใช้ เทมเพลตสำเร็จรูป (Template) ที่มีให้เลือกจากระบบ CMS อย่าง WordPress หรือ Wix ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมันจะทำให้ เว็บไซต์ของคุณหน้าตาเหมือนกับอีกหลาย ๆ เว็บไซต์ และขาดเอกลักษณ์ ควรถามว่า เว็บไซต์ที่ทำจะใช้เทมเพลตหรือออกแบบจากศูนย์ หากใช้เทมเพลต อย่าลืมเลือกที่เหมาะสมและปรับแต่งให้ตรงกับแบรนด์ของคุณ
8. อาจไม่มีความยืดหยุ่นในอนาคต
บางบริษัทอาจพัฒนาเว็บไซต์ด้วย โค้ดที่ไม่สามารถปรับแต่ง หรือขยายในอนาคตได้ เวลาที่คุณต้องการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงบางส่วน อาจต้องเริ่มต้นใหม่ ให้เลือกบริษัทที่สามารถ พัฒนาเว็บไซต์ให้ยืดหยุ่น และรองรับการขยายตัวในอนาคต
6 เทคนิคในการเลือกบริษัทออกแบบเว็บไซต์
การเลือกบริษัททำเว็บไซต์ที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ หากคุณไม่มีความรู้ และไม่รู้จักบริษัทออกแบบเว็บไซต์ที่ไหนเลย อาจทำให้คุณเลือกผิด ทั้งเสียเงิน ทั้งเสียเวลา และได้เว็บที่ไม่มีคุณภาพ คุณสามารถใช้เทคนิคเบื้องต้นเหล่านี้ในการค้นหาก่อนว่าจ้าง
1. ดูผลงานที่ผ่านมา (Portfolio)
เข้าไปดูตัวอย่างผลงานเว็บไซต์ที่บริษัทเคยทำ โดยค้นหาชื่อ”ชื่อบริษัท + works” หรือเข้าเว็บไซต์บริษัทนั้นโดยตรงเลย เช่น https://www.e-bird.co.th/works/ ตรวจสอบว่าเว็บสวย ทันสมัย โหลดเร็ว และใช้งานง่ายไหม เช็กว่าเคยทำเว็บให้ธุรกิจที่คล้ายกับของเราหรือเปล่า หากไม่ อาจลองติดต่อบริษัทโดยตรงเพื่อรับการปรึกษา
2. อ่านรีวิวจากลูกค้าจริง (Reviews)
ดูรีวิวจาก Google, Facebook หรือแพลตฟอร์มรีวิวอื่น ๆ โดยค้นหา “ชื่อบริษัท + รีวิว” หรือดูใน Google My Business ควรดูว่าลูกค้าชมเรื่องอะไร และบ่นเรื่องอะไรบ้าง ระวังรีวิวปลอม ถ้าดีเกินไปหรือดูคล้ายกันหมด อาจไม่น่าเชื่อถือ
3. ทดสอบเว็บไซต์ของบริษัทเอง
เข้าไปดูเว็บไซต์ของบริษัทที่ให้บริการ เช่น e-bird.co.th ถ้าเว็บของบริษัทเองยังช้า ใช้งานยาก หรือดูไม่เป็นมืออาชีพ ก็อาจไม่ควรจ้าง ให้ลองเปิดเว็บบนมือถือและคอมพิวเตอร์ ดูว่าทำงานดีหรือไม่
4. ดูบริการหลังการขาย
บริษัทมีบริการซัพพอร์ตหลังส่งมอบหรือไม่? บางบริษัท เช่น บริษัท อี-เบิร์ด ให้บริการซัพพอร์ตลูกค้าไม่มีกำหนด สามารถปรึกษาปัญหาได้ตลอด มีการดูแลเว็บไซต์ (Maintenance) หรือปรับปรุง SEO ต่อเนื่องไหม? มีค่าบริการเพิ่มเติมแค่ไหน? เรื่องเหล่านี้ควรถามรายละเอียดเกี่ยวกับ การดูแลหลังจบงาน ก่อนตัดสินใจ
5. คุยกับทีมงานและสอบถามรายละเอียด
ทีมงานตอบคำถามเป็นมืออาชีพหรือไม่? สามารถอธิบายเรื่องเทคนิคให้เข้าใจง่ายไหม? มีความน่าเชื่อถือ และตอบกลับรวดเร็วหรือเปล่า?
6. ตรวจสอบเงื่อนไขและสัญญา
อ่านรายละเอียดว่าสัญญาครอบคลุมอะไรบ้าง มีระยะเวลาการทำงานที่ชัดเจนหรือไม่? รวมถึงมีค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือเปล่า? อย่าลืมขอใบเสนอราคาและสัญญามาอ่านให้ละเอียดก่อนจ้าง
สรุป
อย่าเลือกบริษัทแค่เพราะราคาถูกหรือเร็วเกินไป! ควรตรวจสอบให้รอบด้านก่อนจ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เว็บไซต์ที่ดี มีคุณภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
สิ่งที่ผู้รับผิดชอบด้านเว็บไซต์ควรทราบก่อนที่จะสั่งทำเว็บไซต์บริษัท